Love And Monsters

รีวิว หนัง Love And Monsters ด้วยรักและสัตว์ประหลาด อีกหนึ่งความบันเทิงที่ต้องหนีลงสตรีมมิงเป็นหนังที่ตั้งชื่อได้สั้น แต่อธิบายเนื้อหาใจความของเรื่องราวได้ตรงเป๊ะๆ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Love And Monsters ด้วยรักและสัตว์ประหลาด เมื่ออุกกาบาตลึกลับมาตกลงบนโลกมนุษย์ ปัญหาคือเจ้าอุกกาบาตลูกนี้ดันพาเชื้อโรคมหาภัยมาด้วย ส่งผลให้สัตว์และแมลงกลายร่างเป็นอสุรกายยักษ์ที่เต็มไปทั่วโลก ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีมนุษยชาติโดนฆ่าตายไปถึง 95% ส่วนที่เหลือรอดต้องหลบไปใช้ชีวิตในบังเกอร์ใต้ดิน พระเอกของเราคือ โจล เด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่ต้องแยกจาก เอมมี่

ผ่านไป 7 ปี โจลสามารถติดต่อเอมมี่ได้ทางวิทยุสื่อสาร ทำให้รู้ตำแหน่งของบังเกอร์ของเอมมี่ว่าอยู่ห่างออกไป 136 กม. ด้วยความรักและคิดถึงเอมมี่มาก โจลตัดสินใจออกไปเสี่ยงชีวิตในโลกภายนอกเพียงคนเดียว ด้วยความตั้งใจที่จะไปหาคนรักให้จงได้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อนๆ ร่วมบังเกอร์

ด้วยเป็นหนังทุนน้อย ความอลังการของเรื่องจึงไม่ได้มีฉากทำลายล้างแบบถล่มถลาย แต่ก็ทดแทนด้วยพล็อตเรื่องที่เรียบง่ายแต่สะกิดใจ ด้วยการเล่าเรื่องที่ให้อารมณ์หนังเอาชีวิตรอดที่เปิดเรื่องอย่างรวดเร็ว ครบรสไปด้วยความตลก ความโรแมนติก มิตรภาพ และครอบครัว ซึ่งค่อย ๆ ถ่ายทอดออกมาอย่างละนิดละหน่อยออกมาได้อย่างลงตัว มีฉากลุ้นระทึกแบบหนังสยองขวัญที่คุณต้องเอาใจช่วยให้ตัวละครสามารถฝ่าฟันไปให้ถึงจุดหมาย เพราะตัวเอกเป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามเอาชีวิตรอด ไม่ใช่หน่วยปราบสัตว์ประหลาด 

รายละเอียดในโลกที่ถูกเซ็ตให้กลายเป็นดินแดนของธรรมชาติ และคำพูดบางอย่างที่ต้องตั้งใจจับใจความให้ดี ถึงจะเข้าใจถึงมูลเหตุจูงใจของการกระทำของตัวละคร แต่เหมือนช่วงหลังงบจะหมด เพราะเป็นช่วงแอ็คชั่นที่ดูไม่เร้าใจเท่ากับที่ปูมาตลอดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ด้วยความที่หนังมีฉากการไล่ล่าและการหลบหนีของตัวเอกกับสัตว์ประหลาดที่จัดเต็มอย่างจุใจสมชื่อเรื่อง แต่พอเข้าองค์บทสรุปก็ดันยัดบทตัวละครร้ายๆ สไตล์อเมริกันเข้ามาแย่งบทบาท

และการจบเรื่องแบบสรุปรวดเร็วแบบที่คาดเดาได้ง่ายมาก ถึงแบบนั้นมันก็เป็นการเล่าเรื่องที่ดีเลยล่ะ เพราะว่าหนังมาในเรต PG-13 เป็นส่วนผสมของ ผจญภัย และ คอมมีดี้ บนพื้นฐานของเรื่องราวเลิฟสตอรี่ หนังก็เลยออกมาในแนวปลอดสารพิษ ดูกันได้ทั้งครอบครัว แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคอแอ็กชันอาจจะร้อง ว้า งั้นคงไม่มีฉากลุ้นระทึกตื่นเต้น ก็ต้องบอกกันว่า ก็ไม่ถึงขนาดนั้น หนังเดินเรื่องเร็ว ปูความกันตั้งแต่เครดิตต้นเรื่องผ่านเสียงบอกเล่าของ โจล

ผ่านไปแค่ 20 นาที โจลก็ออกมาผจญภัยแล้ว เมื่อชื่อหนังมีคำว่า Monsters หนังก็จัดให้จุใจล่ะครับ สัตว์ประหลาดออกมาเพ่นพ่านให้เห็นกันหลายตัว มีการดีไซน์ที่ดีดูออกว่าพื้นฐานมาจากตัวอะไร ดูมีพิษสงแล้วยังเจือความบริสุทธิ์ให้เห็นได้ในแววตา บางตัวก็มาสายโหดเลยล่ะ บางตัวก็มาแบบใสๆ แต่ยังไงก็ไม่มีฉากฆ่ากันให้เห็นจะๆ แต่ทุกครั้งที่สัตว์ประหลาดออกมาก็มีฉากไล่ล่ากัน คนดูก็ต้องลุ้นให้โจลหนีรอดปลอดภัย

ส่วนหนึ่งที่มีผลอย่างมากให้คนดูต้องเอาใจช่วยโจล ก็เพราะการปูพื้นหลังให้คนดูได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน่อมแน้ม ตอนอยู่ในบังเกอร์ก็รับหน้าที่พ่อครัว ไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมบังเกอร์ให้ออกไปบู๊เลยสักครั้ง พอวันที่เขาตัดสินใจขอลุยเดี่ยวออกมาเผชิญโลกภายนอก ก็มีแต่คนคิดว่าเขาไม่น่าจะมีชีวิตรอด และทุกครั้งที่มีสัตว์ประหลาดมา ก็มาแบบน่าตื่นเต้นเพราะค่อยๆโผล่ชิ้นส่วนเล็กๆมาก่อน มีเสียงนำให้เราคอยลุ้นไปว่าจะเป็นตัวอะไร

หนังถูกสร้างตั้งใจฉายในโรงภาพยนตร์ คุณภาพในด้านการถ่ายทำและงานภาพจึงออกมาดีมากๆ ทั้งแสง สี และสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟกต์ไม่มีคำว่าลอยจนน่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้สมจริงมีรายละเอียดอะไรขนาดนั้น แต่ถือว่าสมเหตุสมผลกับโลกในหนังที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ไม่แปลกว่าทำไมถึงได้รับการเข้าชิงรางวัลงานภาพยอดเยี่ยม เพราะมันดีจริงๆ มีมุมกล้องหลายแบบที่ให้อารมณ์ลุ้นระทึก อารมณ์เศร้า และอารมณ์สนุกสนานที่ตามสถานการณ์

ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่มาถูกที่ถูกเวลาสำหรับช่วงเวลากักตัวนี้ [ กับโควิดที่ไม่รู้จะหายตอนใหน ] และเราก็จะได้ดูหนังแอ็คชั่นมันๆ ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ที่เน้นคติสอนใจในเรื่องของความเชื่อมั่น ความกล้าหาญ และการล้มแล้วลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับอุปสรรค ความรักที่ผลักดันให้คนเราทำสิ่งบ้าๆ นี่จึงเป็นหนังที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง บางทีก็คิดว่าถ้าไม่มีโควิด

มันจะต้องเป็นหนังที่ดีในทางด้านของรายได้และคำวิจารณ์ควบคู่กันไปแน่ๆ น่าเสียดายจริงๆ ที่ต้องมาลงสตรีมมิ่ง แต่ยังไงก็เป็นกำไรของคนที่มี NETFLIX ที่จะได้ดูหนังคุณภาพที่ NETFLIX ไม่ได้เป็นคนสร้างแต่ซื้อมาฉายให้ดูแบบคุณภาพ  อย่าลืมไปหามาดูกันนะดูได้แล้วบน NETFLIX 

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่ : รีวิว Netflix

ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You