Dark

รีวิว ซีรี่ส์ Dark ซีรี่ส์ไซไฟสุดล้ำ ย้อนเวลา เปลี่ยนอดีต ปัจจุบัน อนาคต กับบทสรุปแบบดาร์กโรมานซ์ ที่ลึกลับ ซับซ้อน แต่สนุกสุดๆ สุดยอดซีรีส์ไซไฟทริลเลอร์โรมานซ์ แนวย้อนเวลาที่นำเสนอเรื่องราวได้ดาร์กสมชื่อเอามากๆ สำหรับคอซีรีส์แนะนำว่าทุกคนควรดูสักครั้ง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ส์ Dark ซีรี่ส์ไซไฟสุดล้ำ ซีรีส์ไซไฟสุดล้ำของ Netflix จากเยอรมนี ย้อนเวลาเปลี่ยนอดีต ปัจจุบัน อนาคต เล่าเรื่องได้น่าลุ้น ระทึกขวัญ บรรยากาศดาร์กสมชื่อ พลอตคล้ายอนิเมะดังอย่าง Steins Gate ซึ่งแม้ว่าเรื่องราวจะเต็มไปด้วยความมืดหม่น และวิปลาสยังไง แต่ก็สรุปเรื่องราวได้โรมานซ์อย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับใครที่ชอบเรื่องไซไฟแนวเดียวกับ Steins Gate นี่เป็นซีรีส์ที่มีพล็อตเรื่องและไอเดีย หลายอย่างคล้ายกันมาก แต่ก็มีความทะเยอทะยาน ที่ฉีกแนวอีกแบบ เป็นสุดยอดผลงานใน Netflix ที่ต้องรับชมครับ

เรื่องราวเริ่มขึ้นในเมืองวินเดม ชุมชนเมืองเล็กๆแถบชนบทของเยอรมนี ที่มีจุดเด่นคือมีการตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่นี่เป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบเงียบ แต่ก็เคยมีคดีเด็กหายสาบสูญที่ยังคลี่คลายไม่ได้เกิดขึ้น ในปี 2019 เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายปริศนาของ มิเคล ที่ทำให้​ โยนาส ลูกชายของเขาต้องเข้ารับการบำบัดไประยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อโยนาสกลับมาโรงเรียน วันหนึ่งเขาก็ได้ร่วมกับเพื่อนๆในกลุ่มไปสำรวจถ้ำลึกลับในป่าที่ลือกันว่ามีการเอายาไอซ์เข้าไปซ่อนไว้ โดยคนที่เคยหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่แล้วเหตุการณ์นี้กลับทำให้ มิเกล น้องชายที่ยังเล็กของ มาร์ธ่า ผู้หญิงที่โยนาสแอบชอบ มาหายตัวไปอย่างลึกลับด้วย

แล้วนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความวิปลาสของเรื่องราวทั้งหมด ที่ทำให้โยนาส และผู้ที่เกี่ยวข้องในเมืองนี้พยายามค้นหาว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนดูจะพบว่า เรื่องราวมันไปไกลยิ่งกว่าแค่คดีเด็กหายเอามากๆ

ในซีซันแรก เรื่องราวเน้นไปที่การสืบค้นหาความจริงของการย้อนเวลาในถ้ำปริศนา ผ่านทางตัวละครเอกอย่างโยนาส และนักสืบอูลริค กระทั่งตอนจบซีซันแรก เรื่องราวได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่พลังงานดังกล่าวระเบิดออกมาจนนำมาสู่วันสิ้นโลก และทำให้เราเห็นภาพในโลกอนาคตที่ล่มสลายว่ามีสภาพยังไง

ในซีซันสอง เรื่องราวได้เผยว่า สถานการณ์ทำให้ โยนาส ได้กลายมาเป็นนักท่องกาลเวลาได้ยังไง รวมถึงการที่โยนาสในวัยรุ่นได้พบกับโยนาสที่เป็นนักท่องเวลาไปแล้วในวัยกลางคน แล้วไม่เพียงเท่านั้น ตัวละครในช่วงเวลาอื่นๆก็ได้เริ่มมากับตัวเองกันมากขึ้น รวมถึงการที่อูลริคย้อนเวลาไปทำให้เรื่องราวในอดีตมันยุ่งเหยิงกว่าเดิม

อีกทั้งการที่บางตัวละครเลือกที่จะใช้การย้อนเวลา ไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรือทำตามความปรารถนา ของตนเองมากกว่าจะสนใจเรื่องอื่นๆ และจบซีซันสองด้วยการที่เราเริ่มจะมองเห็น การแบ่งฝ่ายที่ชัดเจนระหว่าง อดัม และอีกฝั่งที่ส่งคนของตนเองเข้ามาผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆและต่อสู้ตามเป้าหมายในการแทรกแซงไทม์ไลน์ของตน รวมถึงการเฉลยว่า อดัมคือใครกันแน่ และจบซีซันสองด้วยการเปิดเผยว่า ไม่ใช่แค่ไทม์ไลน์ที่แตกต่างกัน แต่มันยังมี “เวิร์ลไลน์” คือโลกที่แตกต่างกันอยู่อีก

โดยโลกที่ว่านั้นมีจุดแตกต่างกันก็คือ โลกแรกคือโลกที่มีโยนาส และโลกสองคือโลกที่ไม่มีโยนาส ซึ่งนี่เองคือสิ่งที่เราจะได้รับชมใน ซีซัน 3 ในซีซันสาม เรื่องราวต่อเนื่องมาจากตอนจบซีซันสอง เมื่อเราจะได้พบว่า มาร์ธ่า นางเอกของเรื่องนี้ ก็เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญมาก ในระดับเป็นตัวฟันเฟืองของทั้งสองโลก ไม่แพ้โยนาสเลยทีเดียว โดยในซีซันสาม เรื่องราวจะเล่าในมุมของตัวละครโยนาสที่หลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่ไม่มีตัวเขาเกิดขึ้นมา

นี่เป็นสุดยอดซีรีส์ ไซไฟแนวย้อนเวลาที่มีการนำเสนอเรื่องราวได้ดาร์กสมชื่อเอามากๆ สำหรับคอซีรีส์แนะว่าทุกคนควรดูสักครั้ง ที่สำคัญคือ เรื่องราวที่สุดแสนจะชวนงง และระทึกขวัญนี้ กลับไปสู่สรุปที่เป็น “ดาร์กโรมานซ์” ได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ สามารถรับชมทั้ง 3 ซีซันได้เลยแล้วบน Netfli

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่รีวิว Netflix

ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You