รีวิวหนัง Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม : หนังที่มาพร้อมความอึดอัด น่าค้นหา ตามสไตล์ M. Night

Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม
Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม

ภาพยนตร์แนว : ระทึกขวัญ

ผู้กำกับ: เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน

นำแสดงโดย: เดฟ บอทิสต้า, โจนาธาน กรอฟฟ์, เบน อัลดริดจ์


Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม เรื่องราวของคู่รักสามีคู่หนึ่งกับลูกสาวของเขา ได้ออกเดินทางไปพักร้อนที่กระท่อมกลางป่าอันเงียบสงบ แต่ปรากฏว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า 4 คน ที่มาเคาะประตูเรียก ได้กลายเป็นสถานการณ์จับตัวประกัน พร้อมกดดันให้ครอบครัวนี้ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

คงจะต้องบอกถึงรีแอคชั่นจริง ๆ ที่มีต่อหนังเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้ทราบ ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้คาดหวังและตั้งธงอะไรกับหนังเรื่องนี้ เพราะข้อมูลค่อนข้างน้อย และประสบการณ์มาดูหนังของ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน หลายต่อหลายเรื่องที่ผ่านมานั้น สอนให้รู้แล้วว่าอย่าคิดและคาดการณ์อะไรเยอะ แต่ถึงแม้จะไม่คิดอะไรเลย แต่ผลลัพธ์ของ Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม ที่มีต่อความรู้สึกโดยแท้คือ… “เมื่อกี้คืออะไร?”

Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม

Knock at the Cabin ได้กลายเป็นหนังที่เปิดมาด้วยความดุดัน ใส่บรรยากาศความระทึกขวัญและบีบคั้น ทั้งตัวละครและผู้ชมตลอดทาง แต่กลับให้บทสรุปทิ้งท้ายที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า เหมือนกับเทน้ำลงในแก้วที่ก้นแก้วมีรูรั่วประมาณนั้น เพราะบรรยากาศรอบสื่อหลังจากหนังเรื่องนี้ฉายจบ ทุกอย่างในโรงหนังเงียบกริบ ไม่มีแม้เสียงปรบมือ และสังเกตว่านักดูหนังหลาย ๆ คนพากันขมวดคิ้วเดินออกจากโรงหนังแบบที่พวกเขาก็ไม่ได้รู้ตัวว่ามีท่าทางเช่นนั้น

หนังอาจจะมีคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างใช้ได้ เพียงแต่ว่าการนำเสนอและปริบทหลาย ๆ อย่างนั้น ยังไม่เวิร์กในการสื่อสารออกมาได้อย่างน่าจดจำ แม้ว่าองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของหนังค่อนข้างเอื้ออำนวยและส่งเสริมความดีงามได้ดี แต่ดันมาตกม้าตายเพราะการเล่าเรื่องและสร้างโทนบรรยากาศที่ขาดความสมเหตุสมผลที่ทำให้คนดูเชื่อ ถึงมันจะเป็นเรื่องราวที่อยู่บนพื้นฐานของความแฟนตาซีก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีสิ่งไหนที่พิสูจน์ให้คนดูคล้อยตามได้เลย

Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม

และแน่นอนว่านี่ก็คือสไตล์หนังของ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เขายังคงใส่เอกลักษณ์ความเป็นผลงานของตัวเองออกมาได้ชัดเจน แต่เส้นเรื่องที่ยังไม่หนักแน่นเพียงพอเพียงสิ่งเท่านั้น ที่พลอยทำให้ตัวหนังทั้งเรื่องนี้พังครื้นลงมาในตอนท้าย กับความเลอะเทอะมากมายที่ใส่เข้ามาในหนังเรื่องนี้ ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว Knock at the Cabin จึงกลายเป็นหนังของเอ็ม. ไนท์ ที่จัดอยู่ในหมวดเรื่องที่ไม่โปรดปราน เพราะมันทั้งกลวง ทั้งว่างเปล่า แทบไม่ได้อะไรเลยจากหนังเรื่องนี้ในท้ายที่สุดแล้ว

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า องค์ประกอบต่าง ๆ ของ Knock at the Cabin ไม่ว่าจะเป็นโปรดักชั่นดีไซน์ หรือการเซ็ตติ้งต่าง ๆ ในเรื่องทำออกมาได้ลงจังหวะและลงล็อกด้วยดี การสร้างและบิ้วท์บรรยากาศความตึงเครียดของหนังก็ทำได้ดี รวมทั้งเพลงประกอบของ “เฮอร์ดิส สตีฟานส์โดทเทียร์” ชวนหลอนดี เปิดเรื่องมาด้วยโน้ตที่ชวนสะพรึง แต่น่าเสียดายมาก ๆ เพราะกลายเป็นว่าความกลวงของหนังนั้นเอง ที่บดบังเสียงเพลงบรรเลงไปเกือบไม่ได้ยินอะไรเลย

Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม

และอีกสิ่งที่ Knock at the Cabin ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือแคสติ้งนักแสดงเรื่องนี้ พวกเขามอบการแสดงที่เป็นการรับบทนางแบกกันอย่างจริงจัง หากไม่มีการแสดงของพวกเขา ก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าหนังจะเละเทะไปกว่านี้อีกสักแค่ไหนกัน “เดฟ บอทิสต้า” คือเฉิดฉายมาก เป็นอีกบทบาทที่ใหม่สำหรับเขา และเขาก็ทำออกมาได้น่าพอใจ โดยเฉพาะการสื่อสารทางอารมณ์และท่าทางที่เข้มข้นจัดจ้านไม่เบา ขณะที่ “โจนาธาน กรอฟฟ์” กับ “เบน อัลดริดจ์” คือตัวยืนหลัก ที่ช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้อย่างมั่นคง การแสดงของพวกเขาน้อยแต่มากโดยแท้

ขณะที่ “นิกกี้ อามูก้า-เบิร์ด”, “แอบบี้ ควินน์” และ “รูเพิร์ท กรินท์” การเป็นส่วนประกอบที่มาช่วยเติมเต็มเป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้และต้องยกนิ้วให้ก็คือนักแสดงสาวน้อย “คริสเตน คุย” ที่ขโมยซีนได้ดีสุด ๆ เป็นดาราเด็กเจ้าบทบาทที่มอบการแสดงที่ถึงขั้ว ทำออกมาได้จัดจ้านยิ่งกว่านักแสดงผู้ใหญ่เลยทีเดียว ต้องปรบมือให้น้องคนนี้ดัง ๆ เลย

Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม

เอาเป็นว่าในท้ายที่สุดนั้น Knock at the Cabin อาจจะเป็นหนังที่สร้างความบันเทิงได้ดีอยู่ เพียงแต่ยังไม่ใช่หนัง เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เรื่องที่น่าประทับใจที่สุด ออกจะไปในทางเลอะเทอะเสียมากกว่า ก็ไม่อยากจะสงสัยว่าผู้กำกับหมดมุกแล้วหรือไม่ เพราะผลงานของเขาในช่วงหลัง ๆ มานี้ไม่ค่อยลงรอยกับความพึงพอใจของคนดูได้พีคสักเท่าไหร่ และเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกับการนำเอาผลงานก่อน ๆ ของเขามายำรวมกันใหม่ ที่น่าเสียดายเหลือเกินที่ยังขาดความคมคายไป เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความดุดัน แต่กลับออกจากโรงหนังมาแบบอ่อนแรงและว่างเปล่า (สีหน้าจะออกมาเหมือนกับน้องในรูปสุดท้ายนั่นแหละ)

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่ : รีวิว Netflix

ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You